ไลฟ์สไตล์: เข้าใจตัวเองว่าต้องการใช้ชีวิตตอนเกษียณแบบไหน ชอบอยู่บ้านหรือชื่นชอบการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เดินทางท่องเที่ยว
ที่พักอาศัย: จะอยู่กับครอบครัว อยู่บ้านคนเดียว หรืออยู่บ้านพักคนชรา
สุขภาพ: มีโรคประจำตัวที่ต้องดูแลหรือไม่ เตรียมแผนการรักษาอย่างไร มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
ราคาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ(บ้านพักคนชรา) รู้ไว้เพื่อเทียบเคียงค่าใช้จ่ายการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
เบี้ยประกันสุขภาพในอนาคตหลังเกษียณ เพื่อรักษาระดับคุณภาพชีวิต
สิทธิ์ประกันสังคม
ความเสี่ยงเรื่องการเกษียณอายุ
เมื่อรู้เขา รู้เราแล้ว จะช่วยให้กำหนดเป้าหมายวัยเกษียณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง สำหรับผู้สูงวัยที่สามารถดูแลตัวเองได้ (หากต้องการการดูแลเป็นพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
แสนสิริ โฮม แคร์ 18,000-25,000 ขึ้นไป/เดือน
เอลเดอร์ลี่คลับ เนอร์สซิ่งโฮม 18,000-50,000 ขึ้นไป/เดือน
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูบ้านหมอ 30,000-60,000 ขึ้นไป/เดือน
ดิษฐ์ราเนอสซิ่งโฮม 26,000-65,000 ขึ้นไป/เดือน
โรงพยาบาลผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2 30,000 ขึ้นไป/เดือน
*หากต้องการวางแผนเรื่องนี้ อย่าลืมคำนวณเรื่องเงินเฟ้อด้วยนะครับ เช่น หากเงินค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในระยะเวลาเพียง 15 ปี
ตัวอย่างจำนวนเงินที่ต้องเตรียมไว้จ่ายหลังเกษียณ (ช่วงอายุ 60-85) เพื่อรักษาระดับคุณภาพชีวิตของเราเอง (นั่นหมายความว่าหากเราไม่เตรียมไว้ เมื่อวันที่เกษียณมาถึง คุณภาพชีวิตของเราอาจจะเปลี่ยนไป) ลองเลือกให้เหมาะสมนะครับ เราสามารถบริหารจัดการหรือลดค่าใช้จ่ายเรื่องเบี้ยประกันได้ด้วยการวางแผนระยะยาวและเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายวงเงิน 5 ล้านบาท เบี้ยประกันรวมประมาณ 2.9 ล้านบาท
ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายวงเงิน 15 ล้านบาท เบี้ยประกันรวมประมาณ 4.2 ล้านบาท
ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายวงเงิน 60 ล้านบาท เบี้ยประกันรวมประมาณ 7.2 ล้านบาท
*เบี้ยประกันค่ารักษาพยาบาลได้ถูกคำนวณเงินเฟ้อไว้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่อาจถูกปรับเปลี่ยนได้หากมีอัตราค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่บริษัทคำนวณไว้ โดยต้องได้รับการอนุมัติจาก คปภ.
**ข้อควรรู้ในการทำประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพต้องเปิดเผยข้อมูลตามความจริง
ประกันสุขภาพอาจจะ “ไม่คุ้มครองโรคที่เราเป็นมาก่อนทำประกัน”
ประกันสุขภาพจะไม่เริ่มคุ้มครองทันที เพราะมี “ระยะเวลารอคอย” ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ เราจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้ ในกรณีเจ็บป่วยทั่วไปจะมีระยะเวลารอคอย 30 วันนับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ ในขณะที่บางโรคอาจมีระยะเวลารอคอยนานถึง 90 - 120 วันหรือมากกว่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดยาก หรือมีค่ารักษาพยาบาลสูง
เมื่อเราอายุครบ 55 ปี จะมีสิทธิ์เลือกระหว่างสิทธิ์ประโยชน์ 3 อย่าง
เงินบำเหน็จ (ก้อนเดียว)
เงินบำนาญ (รายเดือน)
สิทธ์ในการรักษาพยาบาล (เป็นผู้ประกันตนต่อ)
ที่ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง จนอาจกลายเป็นภาระของคนที่รักเรา
อายุขัย อายุขัยอาจยืนยาวกว่าที่ตนเองประเมินเอาไว้
เงินเฟ้อ ค่าครองชีพช่วงเกษียณสูงกว่าที่ตนเองประเมินเอาไว้
สุขภาพ ไม่ได้เตรียมเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลในช่วงเกษียณอายุ
การลงทุน ขาดทุนจนสูญเสียเงินเกษียณเพราะขาดความรู้ด้านการลงทุน
ภาวะพึ่งพิง มีบุตรหลานมาพึ่งพาเรื่องเงินในช่วงเกษียณอายุ
ถูกล่อลวง ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงจนสูญเสียเงินเกษียณ
การใช้จ่าย ใช้เงินมากเกินไป จนเงินเกษียณหมดก่อนเวลาอันควร
เงินก้อนใหญ่ อาทิ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์, หุ้น, ทอง มีความเสี่ยงข้อ 4-7 ตามด้านบน (การลงทุน, ภาวะพึ่งพิง, ถูกล่อลวง, การใช้จ่าย)
เงินได้ประจำ อาทิ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ, บำนาญประกันสังคม, บำนาญข้าราชการ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยเงินได้ประจำนั้นจะเกิดความเสี่ยงข้อ 4-7 ได้น้อยกว่าเงินก้อนใหญ่
ดังนั้นเราควรวางแผนเรื่องการเกษียณให้ชัดเจน ครอบคลุม และเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้ทันที เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณต่อไปได้อย่างมีความสุข แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต.
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย www.set.or.th, ประกันสังคม www.sso.go.th, คปภ. www.oic.or.th